เหตุสลดที่สถานีทำแพสวรรคโลก

ขณะที่นายเกียรติย้ายไปอำเภองาวในปีพ.ศ.2483 นั้น มร.อี จี เอส ฮาร์ตเล่ย์(E G S Hartley) ที่เคยเป็นหัวหน้าอยู่ที่เมืองปงสมัยที่เขาเริ่มเข้าทำงานที่นั่น ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการป่าไม้ดูแลการทำป่าไม้ในสยาม แต่ต่อมาไม่นานในวันที่ 9 ธันวาคมพ.ศ.2484 เขาก็ต้องหนีเข้าพม่าพร้อมกับ มร.สแตนเล่ย์ คินเดอร์ (Stanley Kinder) เนื่องจากญี่ปุ่นบุกเข้าประเทศไทย และรัฐบาลไทยได้ยินยอมให้ทหารญี่ปุ่นเดินทัพผ่าน

เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม นายฮาร์ตเล่ย์ ถูกส่งกลับเข้ามา เป็นผู้อำนวยการบริษัทแองโกลไทยในต้นปี พ.ศ. 2489 และบริษัทฯยังได้แต่งตั้งให้นายเกียรติ เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันต่อมาอีกสิบปีจนถึงปี พ.ศ. 2499 ปีสุดท้าย ก่อนที่บริษัทฯจะเลิกกิจการป่าไม้ในเมืองไทย เพราะหมดสัญญาสัมปทานแล้ว ซึ่ง มร.ฮาร์ตเลย์ ภรรยา และลูกๆ จึงตระเตรียมจะกลับบ้านกัน แต่ก็กลับเกิดเรื่องที่น่าสลดใจขึ้น

โดยภาระหน้าที่ในฐานะผู้จัดการป่าไม้ มร. ฮาร์ตเล่ย์ จึงไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านพักอำเภองาวตลอดเวลา แต่จำเป็นต้องเดินทางไปตรวจงานที่สถานีป่าไม้ต่างๆ เป็นครั้งคราว ซึ่งปกติก็ไม่ได้นำภรรยา และบุตรทั้งสองไปด้วย หนึ่งในสถานีที่ต้องไปตรวจสม่ำเสมอ คือสถานีทำแพของบริษัทฯ ที่เมืองสวรรคโลก แต่ก็แปลกที่ารไปตรวจงานที่สวรรคโลก ในเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2499 เขาได้นำภรรยาไปด้วย โดยไปพักที่บ้านพักของสถานีฯ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำยม