บ้านพักที่สวรรคโลกแห่งนี้ เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างเป็นสำนักงาน ส่วนชั้นบนจัดเป็นที่พัก มีห้องนั่งเล่น ห้องนอนพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ภายในบริเวณสถานีทำแพแห่งนี้ ยังมีอาคารที่พักคนงานอีกสองสามหลัง พร้อมคลังวัสดุที่ใช้เก็บเครื่องไม้เครื่องมือ และวัสดุต่างๆ ที่ใช้สำหรับทำแพไม้ซุง ห่างจากบ้านพักและอาคารเหล่านี้ไม่มากนัก เป็นริมฝั่งแม่น้ำยมซึ่งอยู่ภายในบริเวณสถานีเช่นกัน สถานีทำแพแห่งนี้อยู่ห่างออกมาจากหมู่บ้านไกลพอสมควร โดยล้อมรอบด้วยพื้นที่ราบปกคลุมด้วยหญ้าช้างขึ้นสูงท่วมหัว
กลางดึกคืนหนึ่งของวันที่่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2499 มร.ฮาร์ตเล่ย์ ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแปลกๆ บริเวณชั้นล่างของอาคารที่พักซึ่งใช้เป็นสำนักงาน เขาจึงลุกขึ้นพาให้ภรรยาตื่นขึ้นมาด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงนั้นเกิดจากอะไรเขาจึงเปิดประตูห้องนอน เดินผ่านห้องนั่งเล่นลงบันไดมายังชั้นล่าง เมื่อลงมาถึงกลางบันไดทำให้มองเห็นภายในบริเวณห้องชั้นล่าง ซึ่งคงทำให้เขาใจหายวาบ
ในนั้นมีเงาตะคุ่มของคนสามสี่คน กำลังรื้อค้นสิ่งของกระจุยกระจาย ด้วยความเป็นห่วงภรรยา เขาจึงตะโกนขึ้นเป็นภาษาอังกฤษให้ภรรยาใส่กลอนประตูห้องนอน แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงตะโกนก็แทรกขึ้นด้วยเสียง ปัง! ปัง! ปัง! หลายนัดทำให้เขาทรุดลงกลางบันไดทันที จากนั้น มิสซิสฮาร์ตเล่ย์ ต้องผวาสุดชีวิต เมื่อเธอได้ยินเสียงสามีร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมๆกับเสียงวิ่งขึ้นบันไดมาชั้นบน ทำให้เธอต้องรีบวิ่งไปแทรกตัวอยู่ที่มุมห้องนอน ด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ไม่วายถูกตีล้มลง เมื่อคนร้ายผลักประตูเข้ามาในห้องนอน
คนร้ายกลุ่มนี้ได้รื้อค้นข้าวของ ทั้งบนโต๊ะ ในลิ้นชัก และตู้เสื้อผ้าอย่างรีบเร่ง โดยเก็บสิ่งของทุกชิ้นที่พวกเขา ‘คิดว่า’ มีค่า แม้กระทั่งแท่งลิปสติกเคลือบสีทองของเธอ หลังจากนั้นคนร้ายทั้งหมดก็วิ่งลงบันได หลบหนีไปในความมืด สำหรับคนงานและกุลีของบริษัทแม้ได้ยินเสียงที่น่าขนลุกเหล่านี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะออกมาขัดขวาง หรือติดตามกลุ่มโจรออกไป หรือไม่กล้าแม้กระทั่ง เดินทางไปแจ้งความกับตำรวจในคืนนั้น เพราะเกรงอันตรายจากคนร้ายที่อาจซุ่มอยู่ในป่าหญ้ารกชัฏรอบสถานี
เมื่อกลุ่มโจรล่าถอยไปแล้ว มิสซิสฮาร์ตเล่ย์ จึงได้ตะโกนเรียกบรรดาคนงานให้เข้ามาช่วยหาม มร.ฮาร์ตเล่ย์ ขึ้นไปบนชั้นสองเพื่อปฐมพยาบาล แต่ก็สายไปเสียแล้ว ต่อมาเมื่อนายเกียรติทราบเรื่อง เขาจึงรีบตามลงไปที่สวรรคโลกในวันรุ่งขึ้น เพื่อช่วยจัดการในเรื่องคดีและดูแลมิสซิสฮาร์ตเล่ย์ ตลอดจนจัดการกับศพ เรื่องนี้ทำให้นายเกียรติหดหู่มาก ทั้งนี้เพราะเคยร่วมงานกับมร.ฮาร์ตเล่ย์ มานานกว่ายี่สิบปี ตั้งแต่สมัยอยู่เมืองปง
คนร้ายกลุ่มนี้ต่อมาถูกจับได้ และตัวหัวหน้าที่เป็นคนลงมือสังหารมร.ฮาร์ตเล่ย์ ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ส่วนคนร้ายที่เหลือถูกจำคุกซึ่งต่อมาไม่นานก็เป็นอิสระ แต่สำหรับมิสซิสเมอร์รี ฮาร์ตเล่ย์ เธอต้องกลับอังกฤษโดยลำพังเพื่อเลี้ยงดูแคลร์(Clare) และ อัลแลน(Alan) ลูกสองคนที่ต้องกำพร้าพ่อไปจนตลอดชีวิต ทั้งที่ครอบครัวนี้กำลังจะกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอยู่แล้ว สำหรับร่างของมร.ฮาร์ตเล่ย์ นั้น ต่อมาภายหลังถูกนำมาฝังที่สุสานฝรั่งเชียงใหม่
หลังจากเหตุการณ์น่าสลดใจที่ริมแม่น้ำยมเมืองสวรรคโลกในคร้งนั้น ซึ่งทำให้มิสซิสฮาร์ตเล่ย์ ต้องกลับไปอังกฤษด้วยความซึมเศร้าสลดหดหู่ต่อมาอีกนาน ภายหลังเธอจึงแต่งงานใหม่กับมร.ฮัสซีย์และใช้ชีวิตอยู่ในกรุงลอนดอน ช่วงที่มีชีวิตเธอยังคงติดต่อกับนายเกียรติ เสมอมาเป็นประจำทุกๆ ปี จนนายเกียรติเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2534 ซึ่งแสดงถึงมิตรภาพระหว่างนายห้างป่าไม้และครอบครัว ที่เคยร่วมทุกข์ ร่วมสุข ด้วยกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน
ส่วนหนึ่งของจดหมายที่แสดงในรูป เป็นจดหมายฉบับสุดท้ายจาก นายเกียรติ ที่มีไปถึง มิสซิสฮัสซีย์ (ฮาร์ตเล่ย์) ก่อนเขาเสียชีวิตไม่นาน จดหมายฉบับดังกล่าวเป็นฉบับที่่มิสซิสฮัสซีย์ (ฮาร์ตเล่ย์) เก็บรักษาไว้จนเธอเองเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 2557 ซึ่ง อัลแลน (Alan) ลูกชายของเธอ ส่งมาให้ผู้เขียนเมื่อไม่นานามานี้