จดหมายฉบับสุดท้ายของพ่อ และไม่กี่สัปดาห์ต่อมาพ่อก็ได้ลงไปปัตตานีตามที่ระบุในจดหมาย เแต่เป็นการลงไปเพียงร่างที่ไร้วิญญาณ
บั้นปลายชีวิตกับลูกๆ หลานๆ
ภายหลังเกษียนงาน นายเกียรติ ได้พำนักอยู่ที่ลำปางระยะหนึ่ง ก่อนย้ายมาอยู่กับลูกๆที่กรุงเทพฯ ช่วงที่เกษียณใหม่ๆเขาใช้เวลาท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ และถ้าหากรู้ว่าที่ใดมีญาติทางปัตตานีอยู่ที่นั่น ไม่ว่าเป็นญาติห่างแค่ไหน เขาก็จะดั้นด้นไปเยี่ยมโดยไม่เคยถือตัวว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่า จดหมายที่เห็นในภาพ เป็นจดหมายฉบับสุดท้าย ที่ นายเกียรติ เขียนไปถึงหลานคนหนึ่งในตระกูล อร่ามรัตน์ ที่ปัตตานี แต่อีกไม่กี่วันต่อมาเขาก็เสียชีวิตลงด้วยโรคเร็งในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534
นายเกียรติเป็นผู้ที่พยายามสร้างความผูกพัน ในหมู่เครือญาติที่สืบเชื้อสายจากต้นตระกูล เลขะกุล มาโดยตลอด เขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้แม้กระทั่งก่อนเสียชีวิต ดังจดหมายที่กล่าวถึงข้างต้น ขณะพำนักอยู่ที่กรุงเทพฯ นายเกียรติก็ยังได้สั่งเสียให้นำร่างของเขาเมื่อเสียชีวิต ไปฝังไว้กับเครือญาติในสุสานของตระกูลที่จังหวัดปัตตานี ทั้งนี้ด้วยตั้งใจให้ลูกหลานกลับไปคารวะบรรพบุรุษและพบปะกับญาติพี่น้อง อย่างน้อยปีละครั้ง ในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง
แต่น่าเสียดายที่ความตั้งใจของ นายเกียรติ กลับมีอุปสรรค์จากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่แถบนี้ในปัจจุบัน เรื่องนี้คิดไปแล้วก็สะท้อนในความรู้สึก เพราะขณะที่ลูกๆ หลานๆ สามารถไปคารวะบรรพบุรุษที่สุสานถึงประเทศฝรั่งเศส แต่กลับดูจะไม่ค่อยปลอดภัยนัก ที่จะไปคารวะบรรพบุรุษยังฮวงซุ้ยในเขตประเทศไทย
จึงมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมสมัยก่อนไม่เป็นกันถึงขนาดนี้? ยังจำได้ว่าสมัยเป็นเด็ก เคยไปเดินเที่ยวยิงนกคนเดียวในป่าสวนยางที่บันนังสตา ขณะไปเยี่ยมครอบครัวคุณอา อุทัย อำนวยกิจ สามีของคุณอา สมถวิล โดยไม่มีอันตรายใดๆ เรายังจะยังมีโอกาสเห็นความสงบสุขเช่นนี้กลับมาอีกหรือไม่?และเมื่อใด? ซึ่งเป็นเรื่องที่หาคำตอบจากใครได้ยาก ทำให้บรรดาญาติพี่น้องของตระกูล ต้องทยอยอพยพย้ายถิ่นฐานออกจากพื้นที่ คล้ายคลึงกับที่เคยเกิดหลายครั้งในพื้นที่แถบนี้ในอดีต
บรรดาลูกๆของนายเกียรติและนางมาลี วัฒนานิกร ราวพ.ศ.2494 (จากซ้าย) เฉลิมศรี ประภาศรี ฉวีวรรณ ไกรวัลย์ พรรณพิมล บุญฤทธิ์ และกิตติชัย
ลูกๆของนายเกียรติและนางมาลี เมื่อวันคริสต์มาส พ.ศ.2560 เมื่อทั้งพ่อและแม่ได้จากไปแล้ว (เรียงตามอายุจากซ้าย) ประภาศรี วัฒนานิกร ไกรวัลย์ ผิวเกลี้ยง เฉลิมศรี กันตบุตร ฉวีวรรณ วัฒนานิกร บุญฤทธิ์ วัฒนานิกร พรรณพิมล วัฒนานิกร และ กิตติชัย วัฒนานิกร